วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560

รีวิว Fire Emblem Musou แบบจัดเต็ม

รีวิวนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนแรกเรื่องเกมส์เพลย์ กับส่วนที่สองคือด้านเนื้อเรื่อง ส่วนนี้อาจจะมี spoil บ้าง

ส่วนแรก
ก็ตามสไตล์เกมส์มุโช คือเดินหน้าฆ่าแหลก แต่กับเกมส์นี้จะมามั่วเอ้อระเหยไล่ฆ่าเพลินไม่ได้เดี๋ยว Game Over ไม่รู้ตัวเพราะ NPC ตาย หรือถ้าไม่ Game Over ก็ Side Mission Failed ซึ่งก็ทำหัวร้อนพอสมควร ( ถ้าไม่ซีเรียสจะผ่านไปเลยก็ได้แต่ไม่ได้ไอเท็ม ) ส่วนข้อเสียของเกมส์ตระกูลมุโชก็ยังมีอยู่คือพวกลูกกระจ็อกมันจะยืนตะคริวกินทั้งหมด.....จะมีแต่พวกบอสเท่านั้นที่พอจะตีเราตามปกติที่มันควรจะทำ มาดูที่ะส้วนกัน

- ท่าโจมตี
ถ้าเทียบกับตระกูลมุโชด้วยกันทั้งหมดเกมส์นี้ท่าอลังการสะใจมาก แสง สีเสียงมาเต็มดูรุนแรงสุดๆ ( แต่ลดนิสสสสสเดียว ในระดับ Lunatic )  ส่วนการผสมผสานคอมโบจะเหมือนมุโชคือกดตีเบาตามจำนวนครั้งและกดตีหนัก อาวุธจะมีการแพ้ทางตามสไตล์ FE ยิ่งใช้อาวุธได้เปรียบก็จะทำให้เกจสตันหมดไว ถ้าหมดแล้วเราจะใช้ท่าพิเศษปลิดชีพศัตรู ซึ่งลดเยอะมากและจำเป็นในการสู้บอส

- ระบบของเกมส์
มีการเก็บไอเท็มที่ได้จากการกำจัดศัตรูในด่านหรือทำ Side Mission มาใช้ในการอับสกิล ซึ่งก็แบ่งเป็นสกิลท่าโจมตี สกิลป้องกันด้านต่างๆ และสกิลอื่นๆติดตัวเช่น LV อาวุธ และท่าพิเศษ อาวุธจะดรอปตลอดทั้งเกมส์และก็มีการแบ่ง LV เหมือน FE ภาคหลักคือ EDCBA ถ้าเราได้อาวุธ LV C มาจะยังไใส่ไม่ได้ต้องไปเรียนสกิลถืออาวุธ LV C มาก่อน อาวุธนั้นจะมีสกิลติดได้หลากหลายเหมือนเกมส์ FE ภาคหลัก เช่นตีพวกเกราะหนักแรงขึ้น หรือแม้แต่ช่วยให้เกจมุโชเพิ่มไวขึ้นและอีกมายมายสกิลติดอาวุธ รวมทั้งสามารถย้ายสกิลของอาวุธอันนี้ไปให้อาวุธอันอื่นได้ ( อันเก่าจะหายไปเลย )

-อับคลาส
อับได้เมื่อเลเวล 15 อยุ่ในหมวดสกิลอื่นๆ ไอเท็มที่จำเป็นคือ master orb แต่การอับคลาสจะไม่มีการรีไปเลเวล 1 ใหม่ เลเวลจะนับต่อๆไปเลยมีแค่สเตตัสเท่านั้นที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก เพราะงั้นไม่ต้องดองเลเวล ถ้ามีไอเท็มก็รีบๆใช้ไปเลยจะได้เก่งไวๆ โดยที่เลเวลของเราเต็ม 99

-สั่งเพื่อนในแผนที่ได้
อันนี้ถือว่าเป็นข้อดีเลย ปกติเกมส์ตระกูลมุโชคือเราวิ่งคนเดียวทั่วแผนที่ แต่เกมส์นี้เราสามารถสั่งได้ว่าจะให้เพื่อนเรามันไปกำจัดศํตรูตัวไหน หรือให้มันไปปกป้องใคร หรือถ้าใกล้ตายก็ให้วิ่งกลับฐานได้ รวมทั้งวิ่งไปอยู่ในพื้นที่ที่พลังเพิ่มเรื่อยๆ ซึ่งระบบนี้ถือว่าสะดวกมาก นอกจากนี้เรายังสามารถสลับไปบังคับเพื่อนที่อยู่ในแผนที่ได้ด้วย 4 คน ถ้าอยากบังคับคนอื่นที่ไม่อยู่ในลิสก็ให้เปลี่ยนเอาเขาลงและให้ไปอยู่ในลำดับ 4 คนแรก สามาถผสมผสานกับการสั่งเพื่อนได้ เช่นสั่งมันไปฆ่านายพล พอมันวิ่งไปใกล้ๆก็เปลี่ยนไปบังคับเองก้ได้  ระบบนี้ผมชอบมาก

-ความยากในเกมส์
มี 4 ระดับ Easy Normal Hard และ Lunatic ได้มาหลังจบเกมส์ ยิ่งยากศัตรูยิ่งอึดยิ่งตีแรง

-History Mode
หลังจบเกมส์จะมี History Mode เอาไว้เก็บเพื่อนที่เหลือ ไอเท็ม อาวุธ ซึ่งก็ขยายเวลาการเล่นให้ออกไปได้อีกยาวนาน



ส่วนที่สอง ส่วนนี้อาจะ spoil ใครกำลังเล่นหรือจะเล่นถ้าไม่อยากโดน spoil ขอให้หยุดแค่นี้
-จำนวนด่านมีเท่าๆกับ FE ภาคหลักปกติ ถือว่าพอดีๆไม้น่้อย ไม่มาก

- เนื้อเรื่องนั้นก็คือประเทศของพี่น้องชิโองกับรีอันโดนสัตว์ประหลาดบุก เลยต้องไปตามผู้กล้าจากช่วงเวลาต้่างๆมาช่วย ตรงนี้นั้นเนื้อเรื่องของภาค Awakening Fate และ Shadow Dragon นั้นจะไม่ได้อ้างอิงเหตุการณ์หลังจบภาคหลัก เช่น Awakening ลูคิน่าเพิ่งจะมาเจอโครมเอง ส่วน Fate พวกนั้นยังตามหาพี่น้องอยุ๋เลย แถมยังมาสู้กันเองด้วย ส่วน Shadow Dragon มาร์ทยังไม่เป็นเป็นวีรบุรุษ

ข้อดี
-ระบบของเกมส์คือข้อดีล้วนๆ ผสนมผสานกันำด้อย่างลงตัวระหว่าง FE ภาคหบักกับเกมส์มุโช
-เวอร์ชั่น Switch มีให้เลิอกระหว่างเน้นภาคสวยหรือเน้นเฟรมเรท
-ท่าอลังการสะใจวัยรุ่น

ข้อเสีย เยอะมาก
-มันจะใช้ดาบอะไรกันเยอะแยะขนาดนั้น ถ้าเทียบเป็น % ฝ่ายเราที่ใช้ดาบเป็นอาวุธมีถึง 60% ของทั้งหมด !!
-ท่าซ้ำกัน ตัวเอกชายหญฺงเหมือนกันแป๊ะ ต่างกันแค่ท่าคู่กับท่าไม้ตายใหญ่เฉยๆ โครมกับลูคิน่าก็เหมือนกัน ไม่มีเหตุผลอะไรเลยนอกจากคำว่ามักง่าย
-พวกบอสศํตรูมีแค่ 3 ตัว !!! WTF !!! มีภาคล่ะตัวเท่านั้น นอกนั้นที่ได้สู้ระหว่างทางเป็นพวกเราเองนี่แหละที่เข้าใจผิดบ้าง ทดสอบความสามารถบ้าง ตามหาคนบ้าง.....อันนี้ผมไม่ชอบเลย น่าจะเอาพวกบอสจาก 3 ภาคนั้นมาเยอะๆหน่อย อย่างน้อยก็ซัก 2-3 ตัวให้มันมีความรุ้สึกได้สู้ศัตรูบ้าง อันนี้ไม่มีเลยจ้าาาาได้สู้แต่กับพวกเดียวกันนี่แหละ
-จากข้อข้างบนมันก็เลยมีศัตรูที่เป็น Shadow ซึ่งก็คือฝายเรานี่แหละแต่เป็นตัวดำๆแทน ( ดูก็รู้ว่าเป็นใคร ) ยิ่งมักง่ายเข้าไปอีก
-ตัวละคร Original ฝั่งศํตรูถ้าไม่นับบอสใหญ่จริงๆมีแค่ 1 ตัวเท่านั้น อาเมนนนน ( 3 ตัว คือ บอสใหญ่ 1 โดนฆ่าแบบกากๆ 1 และอีก 1 ได้สู้ ) มันคงจะยากมากสินะกับการคิดออกแบบพวกนายพลฝั่งศัตรู แต่พวกนายพลธรรมดาคลาสพาราดีน เจเนรัล ฮีโร่อะไรพวกนี้ที่เราเห็นในภาคหลักก็เป็นแค่นายพลไร้หน้าศัตรูดาดๆธรรมดาทั่วไป
-History Mode ไร้สาระมาก ตอนแรกนึกว่าเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับภาคเก่าๆบ้าง เพราะเห็นมีแผนที่ มียูนิท แต่พอเล่นจริงไอ้ยูนิทพวกนั้นเหมือนเอาไว้เลือกด่านที่จะสู้ โดยตัวเราต้องเดินแบบภาคหลักคือถ้าจัดการยูนิทที่ขวางทางไม่ได้ก็ไปต่อไม่ได้ แล้วด่านที่เล่นก็ดันไม่เกี่ยวอะไรกับแผนที่เลย เหมือนเป็น Free Mode เนื้อเรื่องเอกเทศให้เล่นเฉยๆ ตัวละครก็กำหนดตายตัว เลือกฟรีไม่ได้ด้วย

สรุป ก็ยังคุ้มค่ากับการเล่นอยู่ดี ถึงแม้ว่า Story Mode กับ History Mode จะออกแนวเผายัดๆลงมาก็เถอะ แต่แค่เอามาเล่นดูท่าอลังการ บังคับตัวละครที่ชื่นชอบด้วยมือของตัวเองแบบนี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว แถมเล่นได้ยาวแน่ๆถ้าจะเก็บหมด เล่นกันจนภาคหลักภาคใหม่บน Switch ออกนุ็นนนแหละ


วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560

Fire Emblem : Echoes shadows of valentia รีวิว

Fire Emblem : Echoes shadows of valentia รีวิว
no spoil

รีวิวนี้เป็นการเปรียบเทียบกับภาคก่อนๆของ 3DS ว่าดีกว่า แย่กว่าอะไรยังไง เผื่อหลายคนจะได้มองเห็นภาพมากขึ้นเมื่อเอาไปเทียบกับภาคที่ตัวเองเคยเล่น
ปล. ผมเล่นจบไปได้ซักพักล่ะ ส่วนเล่นได้ไงนั้นละไว้ในฐานที่เข้าใจ

กราฟฟิค เหมือนเดิมไม่แตกต่างจาก 2 ภาคแรก

ชุดของตัวล่ะคร Fate > Awakening >;Echoes
ชุดของตัวละครภาค Echoes ธรรมดาบ้านๆมาก ไม่เว่อวังอลังการ เน้นเรียบง่ายแบบทหารทั่วๆไป คลาส 1 คลาส 2 แทบไม่ต่างกัน แตจะต่างกันแบบเห็นได้ชัดตอนคลาส 3 ใครที่อยากเห็นตัวละครใส่ชุดสวยๆแบบภาค Fate คงจะไม่ค่อยชอบจุดนี้

ฉากต่อสู้ Fate > Awakening = Echoes
ฉากคริติคัลขึ้นรูปมาเฉยๆเหมือน Awakening แต่ภาค Fate จะมีการขยับหน้านิดหน่อยเพิ่มความดุ

ระบบเกมส์ Echoes > Fate > Awakening 
ระบบดันเจี้ยนกับแผนที่โลกกินขาด 2 ภาคข้างบนแบบเห็นได้ชัด

Movie ในเกมส์เป็น Animation 2D
ส่วนตัวชอบของ Fate กับ Awakening มากกว่า



สกิล Echoes > Fate = Awakening 
บางอย่างต้องกดใช้ บางอย่างก็ติดตัว แต่ก็ทำให้ได้วางแผนมากขึ้นมากกว่าลุยเดี่ยว โดยเฉพาะสกิลเวทย์เรียกลุกน้อง เอาเป็นตัวล่อเป้าได้อย่างดีเลย

ความยาก ไม่รู้เทียบยังไง เอาเป็นว่าผมหัวร้อนกับ Fate มากสุดล่ะกัน

ความลับหลังจบเกมส์แบบไม่นับ DLC Echoes > Fate = Awakening 
หลังจบเกมส์จะมีดันเจี้ยนลับให้เข้า แน่นอนว่าโหดขิงๆ ชั้นแรกๆไม่เท่าไรชั้นหลังๆนี่เว่อมาก ไม่มีเซฟเกมส์ด้วย (ได้แต่เซฟตอนสู้แล้วออกเกมส์เลย) แถมเข้าแล้วออกไม่ได้อีก ถ้าพลาดตายก็โหลดเซฟสถานเดียว แล้วเข้าไปใหม่ ด้านในสุดมีบอสที่คาดไม่ถึง !!!

ส่วนระบบที่เพิ่มเข้ามาใหม่ (จริงๆมันคือของเก่าตั้งแต่ภาค gaiden แล้ว)

อาวุธไม่มีพัง 
ตอนแรกก็เอะใจว่ายังไง ใช้ได้ตลอดแบบนี้จะดีเหรอ พอต้องเข้าดันเจี้ยนที่ยาวๆก็เข้าใจเลย ถ้าทำให้อาวุธแตกได้สงสัยมีหมดตัวแน่ๆ

เวทย์มนต์เวลาใช้จะเสีย HP ตามแต่ล่ะชนิดของเวทย์
คือมันก็ดีที่ทำให้นักเวทย์ไม่ต้องส่องไกลอย่างเดียว อย่างน้อยก็เสีย HP บ้าง และถ้า HP เหลือ 1 จะใช้เวทย์ไม่ได้ ต้องไปเติมพลังก่อน แน่นอนเวทย์ฮีลคนใช้ก็เสีย HP

ไม่มีแพ้ทางอาวุธ
เอาตัวที่ถึกสุดไปยืนแทงแนวหน้าเลย แล้วค่อยให้ที่เหลือเก็บตกทีหลัง แต่ต้องดูดีดีถ้าเจอนักเวทย์วาร์ปมายิงก็ say goodbye เช่นกัน

เปลี่ยนอาชีพ
ต้องไปเปลี่ยนกับรูปปั้นเทพมิล่าเท่านั้น

ย้อนเวลา
ดูเพลินๆเหมือนไร้ประโยชน์ คิดว่าจะเดินพลาดเพื่อนตายเหรอ ? แรกๆก็ไม่อ่ะ แต่หลังๆโดยเฉพาะดันเจี้ยนลับนี่เพลอตายบ่อยๆเลยต้องย้อน Turn กลับมา แถมมันยังใช้ได้จำกัดด้วยนะ ส่วนการย้อนเวลาตอนเลเวลอับเพื่อให้ขึ้นค่าใหม่ผมลองแล้วไม่ได้ เอาตัวอื่นสู้ก่อนก็ไม่ได้ยังไงก็ขึ้นค่าเดิมตลอดเว้นแต่คุณจะเคลียร์แผนที่แล้วสุ้ด่านใหม่แบบนั้นถึงขึ้นค่าอื่นให้

สรุป ถือว่าทำมาได้สนุก ไม่เสียทีที่เป็น Fire Emblem ถ้าชุดของตัวละครมันสวยกว่านี้น่าจะเพอเฟคเลยล่ะ หลายคนอาจจะบอกว่าเกี่ยวไรกับชุด แหมมมก็อยากใส่ชุดสวยๆเท่ห์ๆไปสู้บ้าง
เกมส์ออกวันที่ 20 เมษานะ

วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

รีวิว FE8 Yugddra Patch

    จริงๆต้องบอกว่าเป็นการระบายมากกว่า หลังจากเล่นจบแล้วรู้สึกหมดเวรหมดกรรมมากกว่ารู้สึกสนุกประทับใจ อาจจะเป็นเพราะเล่นแบบ Hard โหมดก็ได้ แต่ถ้า Normal อาจจะประทับใจก็ได้
     รีวิวนี้จะอ้างอิงจาก Hard Mode ที่ผมเล่น
    เนื้อเรื่องอย่างที่เคยบอกเป็น FE8 ล้วนๆ แต่เพิ่มเนื้อหา + ปรับเปลี่ยนใหม่แต่ยังอยู่ในพื้นฐานของ FE8 อยู่ ส่วนเรื่องเพื่อนจาก FE8 มีครบทุกคนและเพิ่มเพื่อนใหม่ๆเข้าไปอีก ระบบที่เพิ่มขึ้นมาจาก FE8 ที่เห็นได้ชัดเลยคือสกิล มีหลากหลายมาก ทั้งฝ่ายเราและศัตรู ซึ่งมันก็ทำให้ผมหัวร้อนพอสมควร แรกๆยังไม่เท่าไหร พอหลังๆล่ะเอ้ยยยยย WTF! มาก ยกตัวอย่างเช่น ศัตรูมีสกิลเดินทะลุฝ่ายเรา ทำให้ไม่สามารถเดินไปอุดทางมันได้ มันเดินทะลุไปตีแนวหลังเลยจ้าาาา ! ยิ่งบอสด่านหลังๆนะอะไรมันจะครบเครื่องขนาดนั้น ! มีสกิลตีก่อนยังไม่พอ แถมมีห้ามโจมตีด้วย และไม่ได้รับผลสกิลจากฝ่ายเราด้วย กว่าจะฆ่าบอสได้แต่ล่ะตัว Load ---> Save วนไปซิ
    ศัตรูที่เป็นพวกลูกกระจ๊อก พวกนี้เก่งนะ หัวร้อนกับพวกนี้มากกว่าบอสอีก สเตตัสสูงมาก หลังๆนี่เต็มทุกค่าเลย  (ยกเว้น luk กับ ขนาด) แถมเลเวล 20+ ด้วย โกงฉิปหาย พูดง่ายๆคือแค่สู้กับพวกนี้ก็เหนื่อยแล้ว แถมยังมากันเยอะอีกตะหาก อาวุธฝ่ายเรานี่หลังๆต้องใช้อาวุธระดับสูงเข้าสู้ ไอ้ความคิดที่งกอาวุธ ไม่อยากใช้ ใช้แค่อาวุธประเภท Iron ก็ผ่านได้แบบฉิวๆ อันนี้ผิด !! ระดับ Hard อาวุธประเภท Iron ตีลดแค่หลักหน่วย (บางที 0 ด้วย) แถมศัตรู HP 60 70 80......
    อับคลาสก็ใช่ว่าจะเก่ง คืออาจจะเก่งแป๊ปเดียว แต่หลังๆศัตรูมันก็สเตตัสเต็มเหมือนกัน ตีเราตายได้แบบสบายๆ แถมถ้าไปอับเลเวลตอนยังไม่ 20 นะ ขอบอกเลยว่าหลังๆสู้ยากเพราะสเตตัสเราจะหายไปพอสมควร แล้วถ้าจะปั้นตัวเดียวแบบซูปเปอร์แมนล่ะ อาจจะพอได้ช่วงกลางๆ แต่ช่วงหลังมันแบ่งกลุ่มเดิน กลุ่มไหนอ่อน ไม่มีตัวเก่งตายแน่ แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะเลเวลน้อยถ้าปั้นหลายตัว ผมเลเวล 20 เต็ม MAX 14 คนมั้งถ้าจำไม่ผิด เพราะฉะนั้น ปั้นมันหลายๆตัวจะได้ช่วยกันสู้ ไม่งั้นตายนะเออ.....
    เรื่องเพลง กับ Custom Animation ทำมาดีมาก หลายๆตัวมีคลาสเฉพาะของตัวเองและสวยด้วย
    สรุปคือมันหัวร้อนทรมานมากกว่านะ แบบว่าพอผ่านด่านแล้วต้องมาคิดในหัวว่าต่อไป Gu จะเจออะไรอีกว่ะ (ครับ) เหมือนมีความระแวงอยู่ตลอดเวลา พอจบแล้วเหมือนหลุดพ้น.....แต่ถ้าเล่น Easy หรือ Normal อาจจะสนุกก็ได้
   คนทำเขาบอกว่าระดับความยากของเกมส์ถ้าเลือก Hard จะยากกว่าระดับ Hard ของ FE8 เดิม ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นระดับ Lunatic นั่นเอง แต่กราฟฟิคมันเปลี่ยนตัวอักษรไม่ได้ไง
   สำหรับคนที่คิดจะเล่นภาคนี้
1. มือใหม่ FE เคยเล่นไม่กี่ภาค แนะนำเลือก Easy
2. เล่น FE มาแล้วทุกภาครวมทั้งภาคแฮค แต่ไม่เคยเล่นระดับ Hard เลย แนะนำเลือก Easy เหมือนกัน
3. เคยเล่น FE6 Hard จบ เล่น FE ภาคแฮค Last promise จบ แล่น FE Fate ฝั่งดำจบ เลือก Normal ได้
4. ถ้าเคยเล่นภาคแฮค FE7if แบบ Hard จบ เล่น FE ภาครีเมคเครื่อง NDS ครึ่งหลังแบบ Lunatic จบ และมั่นใจในฝีมือของตัวเองเลือก Hard ไปเลย !!


วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560

วิธีโหลดเกมส์แฟนเมด DRAGON QUEST ダイの大冒険

     ชื่อภาษาไทยที่เราคุ้นเคยกันก็คือไดตะลุยแดนเวทย์มนต์นั่นเอง เกมส์นี้เป็นแฟนเมดของคนญี่ปุ่น แน่นอนถ้าจะหวังให้มี ENG คง 0%
    ผมจะมาบอกวิธีโหลดไปเล่นเฉยๆนะ สิ่งที่ต้องมีถ้าคิดจะเล่นเกมส์นี้
1. Window เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ถ้าไม่มีก็ใช้โปรแกรม Mapplocate จะลองว่าเป็นญี่ปุ่นเอาก็ได้ หรือใครจะไปเปลี่ยน Region เอาในเครื่องก็ได้ เลือกเอาซักทาง (แต่ถ้าเปลี่ยน Region เป็น Japan จะเล่นได้ชัวร์กว่า)
2. โหลด RTP2000 จากเว็ปนี้
RTP 1.32

http://2drpg.com/2000.php


    โหลดเกมส์
ไปที่เว็ปนี้ แล้วทำตามรูป



จากนั้นเลื่อนลงมาเรื่อยๆจนเจอเกมส์ DRAGON QUEST -ダイの大冒険-序章+α


ตรงกดโหลดให้กดคลิกขวา open new tab เอาถ้าโหลดไม่ได้
พอกดแล้วก็จะขึ้นหน้าเว็ป mega ให้โหลด




วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

HiGH & LOW THE MOVIE รีวิว

    ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าการรีวิวนี้มี spoil เนื้อหานิดหน่อย เช่นใครสู้กับใคร แพ้ชนะเป็นไง อะไรทำนองนี้ การดำเนินเนื้อเรื่องขอไม่พูดถึงเพราะมันน้อยมากเล่าแค่ 3 บรรทัดก็จบ จะมาโฟกัสถึงรูปแบบการต่อสู้มากกว่าว่ามันสนุกเร้าใจแค่ไหน และแน่นอนมันต้องมีการเปรียบเทียบกับเรื่องอื่นๆ ในที่นี้ผมขอเทียบกับ Crow Zero 2 ซึ่งเป็นหนังแนวอัดกันที่ผมชอบที่สุดของฝั่งญี่ปุ่น


     ต้นเรื่องเป็นการสู้กันแบบหอมปากหอมคอของแต่ล่ะกลุ่มซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวาเป็นพิเศษหัวเน้าของแต่ล่ะกลุ่มนอกจากคอบร้าที่ได้โชว์นิดหน่อยแล้วคนอื่นไม่ได้ทำอะไรเลย มากลางเรื่องรู้ดบอยเด่นมากและสโมกกี้ก็กลายเป็นหัวหน้ากลุ่ม SWORD ที่มีบทมากที่สุดถ้าไม่นับคอบร้า ท่าทางการต่อสู้ของสโมกกี้ที่แสดงโดยคุโบตะนั้นการเหวี่ยงหมัด การออกท่าดูสมบทบาทมาก อาจเป็นเพราะคนแสดงมาหลายเรื่องแล้ว และยังเคยแสดงหนังแนวนักเรียนนักเลงมาก่อนทำให้การออกหมัดดูเป็นธรรมชาติและมีพลังเหมือนของจริง ส่วนซาโอโตเมะที่แสดงเป็นริวก็เหมือนกัน เคยแสดงมาหลายเรื่องและ Crow explode ดังนั้นหายห่วงเรื่องท่าทางการต่อสู้ ตอนเหวี่ยงดาบนี่ดูรุนแรงเหมือนของจริงมาก ตอนท้ายถึงแม้จะมีฮิโรโตะมาและโดนไอซ์อัดเข้าให้แต่มันก็ยังน้อยมากก็ถือว่าเป็นการสร้างคู่แค้นปลายเรื่องเพิ่มมากอีกคู่ ตรงจุดนี้เหมือนผู้กำกับอยากจะแสดงให้เห็นว่าไอซ์นั้นมีฝีมือมากขนาดไหน ถึงขั้นกลายเป็นคู่แค้นของฮิโรโตะได้นั้นแสดงว่าฝีมือไม่ธรรมดา ขนาดคอบร้ายังโดนฮิโรโตะอัดน่วมมาแล้ว


    ทีนี้มาถึงฉากสู้ท้ายเรื่องที่เป็นไคลแม็กซ์ การตะลุมบอนระหว่าง SWORD และ MW (มี DOUBT ปนมาหน่อยนึง) ตรงนี้เนื่องจากว่าตัวละครมันเยอะอันนี้ก็เข้าใจ การที่มีฉากสู้คนล่ะนิดคนล่ะหน่อยนั้นเป็นเรื่องที่พอรับได้ แต่...แต่บรรดาหัวหน้ากลุ่ม SWORD ฮิวงะ , มุรายาม่า , ร็อกกี้ พวกนี้ควรมีบทมากกว่านี้ นี่อะไร ? บทเท่าพวกตัวรองหมดทุกคนไม่มีใครเด่นเลย ถ้าไม่นับว่ามีบทพูดในฐานะหัวหน้ากลุ่ม การสู้กันที่สุ้แบบเรื่อยเปื่อย ตะลุมบอนไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรเด่น ไม่มีอะไรให้จดจำ พอๆกับพวกตัวหลักของ MW ที่สุ็ไปเรื่อยๆ ถึงแม้ตอนหลังเบอนี่กับเพิลจะได้สู้กับพวกซังโนหน้าทางเข้าไปหาโคฮาคุ แต่ก็เท่านั้น....แล้วพี่น้องอามามิยะที่มาสมทบในตอนหลัง คนพี่มาซากิสุ้กับลูกน้องธรรมดาไป ส่วนฮิโรโตะมีคิวต้องสะสางกับไอซ์ ตรงนี้ผมรอดูว่าใครจะเหนือกว่ากันสู้ไปสู้มาตัดฉากกลับมาอีกทีงานจบ ?? ตกลงใครเหนือกว่าใคร ??  ส่วนท้ายสุดเป็นการสู้แบบดราม่าของคอบร้า , ยามาโตะ และโคฮาคุ ตรงนี้ถือว่าทำดี ฉากสู้มีไม่มากแต่ก็ไม่น้อยกำลังพอดี เราจะได้เห็นการอัดกันแบบรุนแรงสุดๆ โดยเฉพาะหมัดของโคฮาคุนั้นดูรุนแรงมาก สะใจสุดๆ พอจบดราม่าของโคฮาคุทุกคนก็จบเรื่อง เลิกสู้กัน MW เป็นฝ่ายแพ้ทั้งๆที่พวกตัวหลักยังยืนกันทุกคน ไอซ์กับฮิโรโตะก็ยังไม่เคลิยร์ เลิกสุ้กันดื้อๆ
    สรุปแล้วช่วงไคลแม็กซ์นั้นกลับเป็นฉากของโคฮาคุที่ดูสนุกที่สุด ก่อนหน้านั้นมันเรื่อยเปื่อยมาก ถ้าเพิ่มบทของหัวหน้า SWORD ให้มีการสุ้กันตัวๆกับตัวหลักของ MW จะดีกว่านี้ ฮิวงะ , มุรายาม่า , รอคคี้ กับ เบอนี่ , เพิล , ไนน์ 3 คู่พอดี น่าจะมันส์ (ซาร่าไม่นับล่ะกัน) และเป็นการเพิ่มบทให้หัวหน้าด้วย เหมือนอย่าง Crow Zero 2 ที่พวกตัวหน้าของซึซึรันจะได้สุ้กับหัวหน้าของโฮเซนเป็นคู่ๆไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่มีฉากสู้มากมายแต่สุดท้ายเราก็รู้ฉากจบว่าใครแพ้ใครชนะ แต่สำหรับ HiGH & LOW คนที่อยากเห็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้มคงต้องผิดหวัง แน่นอนผมหวังว่าจะได้ดูหัวหน้า SWORD สุ้กับพวกตัวหลัก MW สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นแอบผิดหวังหน่อยๆ
   สุดท้ายถ้าฉากต่อสู้ Crow Zero2 ได้ 10 คะแนน HiGH & LOW THE MOVIE ผมให้ 8.5 พอ เพราะมันเรื่อยเปื่อยไปหน่อย เพิ่งมามีดีตอนโคฮาคุ