วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

รีวิว Romancing Saga 2 Revenge of the seven

 รีวิว Romancing Saga 2 Revenge of the seven

จากผู้ที่ชื่นชอบภาคนี้มากที่สุดและทำหนังสือภาค Remaster ออกมา
เติมเต็ม สมบูรณ์ มาตราฐานเดิมว่าสูงแล้วมารีเมคตัวนี้คือจะกลายเป็นสุดยอด JRPG ได้ลย คือจะบอกว่า RS2 ระบบมันล้ำมากนะครับ คือสมัย SFC นั่นคือคิดได้ยังไงระบบแบบนี้ คือมันล้ำซะจนไม่นึกว่าเกมส์สมัย SFC จะทำได้ หลังจาก Remaster ภาพให้สวยเนียนไปรอบหนึ่ง ครั้งนี้คือ Remake เต็มรูปแบบ ไม่มีคะแนนอะไรให้เลยนอกจากคำว่า "สมบูรณ์แบบ"
- กราฟฟิค
ผมว่าสวยนะ เกมส์ที่เป็นธีม Anime การ์ตูนแบบนี้ภาพมันก็คงประมาณนี้และ จะให้ไปแนวสมจริงแบบ FF16 เลยก็ไม่ใช่ สิ่งที่เด่นมากๆและผมชอบมากคือรายละเอียดเสื้อผ้าชุดเกราะมีลวดลายสวยงาม พร้อมด้วยเครื่องประดับทำให้ตัวละครหลักทุกคน ย้ำทุกคน ! ดูดีมากกกก ชุดเกราะสวย เสื้อผ้าก็สวย เก็บรายละเอียดเนี๊ยบมากมีแม้กระทั่งไฝตรงหน้าอก....คือชุดแต่ละคนมันเนี๊ยบมากจริงๆ และโมเดลตัวละครหลักนี่แบบสวยหล่อทุกคน ตัวละครหญิงก็บึ้มทุกคน Very Good !!


-เพลง
ทำใหม่อลังการงานสร้างกว่าเดิม แต่ก็มีให้เลือกว่าจะฟังแบบ Classic เปล่า แต่ไหนๆก็รีเมคแล้วฟังเวอร์ชั่นทำใหม่ไปเลยเถอะ
-ระบบของเกมส์
เรียบเรียงใหม่ทำให้เล่นง่ายขึ้นเยอะ เหมือนกรณีของ tactic ogre ที่ภาค Reborn เรียบเรียงระบบให้เล่นง่ายขึ้น เข้าใจง่ายขึ้น เกมส์นี้ก็เหมือนกันครับ นอกจากจะเล่นง่ายขึ้น เข้าใจง่ายขึ้นแล้วยังมีตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้หลายๆอย่าง มือใหม่คือเล่นได้สบายๆไม่ต้องมานั่งงมเองเหมือนสมัยก่อน ระบบสืบทอดจักรพรรดิเข้าใจง่ายขึ้นและดูดีขึ้น ระบบปิ๊งท่าก็มีไอคอนแสดงบอกว่ามีโอกาสปิ๊งท่าใหม่นะจากการสู้กับศัตรูตัวนั้นตัวนี้ คือตีไปเรื่อยๆเดี๊่ยวมันก็ปิ๊งเองไม่ต้องมานั่งเดานั่งลุ้นว่าจะปิ๊งท่าหรือเปล่า ระบบจุดแข็งจุดอ่อนศัตรูก็มีบอกชัดเจน และระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่าง OverDrive กับตีศัตรูก่อนเข้าสู้ก็ช่วยให้เราเล่นได้ง่ายขึ้นเยอะ แต่ถ้าใครคิดว่ามันง่ายจังมีบอกหมดแนะนำให้เข้า Option แล้วไป off พวกหน้าต่างแสดงตัวช่วยครับ คุณจะได้เล่นแบบไม่มีอะไรบอกเลย ก็นั่งงมกันไป แต่ผมว่าเปิด On นั่นแหละดีแล้ว
-เกมส์มีความอิสระสูง
แรกๆก็ตามเส้นทางตรงไปก่อนและหลังจากนั้นจะมีทางเลือกให้ผู้เล่นเลือกว่าจะไปทำอะไรก่อนหลัง แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลต่อเนื้อเรื่องโดยรวม ทำ Event นี้พลาด Event นั้น ทำ Event นั้นพลาดเพื่อนคนนี้ คือมันจะเป็นแบบนี้ไปทั้งเกมส์ครับ คุณต้องวางแผนให้ดีว่าจะลำดับเนื้อเรื่องยังไงถึงจะเก็บ Event ให้สมบูรณ์มากที่สุดและได้เพื่อนครบทุกคน โดยเฉพาะบอสหลักของเกมส์คือ 7 วีรบุรุษ คุณจะเจอร่าง 1 หรือร่าง 2 ก็อยู่ที่ว่าคุณเดิน Event มาแบบไหน
-สิ่งใหม่ๆภายในเกมส์
แน่นอนว่ามันจะมีแต่ของเก่าเลยก็คงไม่ได้ อาชีพใหม่ 2 อาชีพ และระบบอบิลิตี้ที่ถูกเพิ่มเติมขึ้นมา (ของเก่าไม่มี) ทำให้ตัวเรามีความสามารถหลากหลายมากขึ้น ปรับแต่งให้เข้ากับการต่อสู้ในสถานะการต่างๆได้ดีขึ้น หลังจบเกมส์มีเนื้อเรื่องพิเศษและบอสลับให้สู้ และมี New Game + และความยากอีกสองระดับเพิ่มเข้ามาคือ Very Hard กับ Romancing (ยังยากไม่พออีกเหรอลูกพี่ !!!!)
-performance ของเกมส์
ผมเล่นบน PS5 ครับ แทบไม่รู้สึกสะดุดหรือภาพหยักแต่อย่างใด แต่ก็เห็นบางคนในกระทู้ที่อื่นบอกภาพไม่ค่อยสวย อืมมมม ผมเล่นบน PS5 แสงเงาก็สวยมากๆแล้วนะ คือได้ขนาดนี้กับเกมส์ธีม Anime คือสวยแล้ว แต่ของ Switch นี่ผมไม่แน่ใจนะว่าจะดรอปลงไปเยอะไหม แล้วยิ่ง Switch แบบ handle นี่น่าจะโดนลดประสิทธิภาพไปเยอะอยู่นะ
-เกมส์มีชีวิตมากขึ้น
คือเกมส์ RPG สมัยก่อนมันคุยกันสั้นนะครับคุยกันนิดเดียวเข้าเรื่องเลยไม่ต้องมาอารัมภบทมากมายเพราะงั้นหลายครั้งมันก็เลยดูรีบไปหน่อย ความสัมพันธ์ความห่วงใยของตัวละครแทบไม่รู้เลยเพราะมันรีบคุยรีบดำเนินเนื้อเรื่อง แต่ครั้งนี้บทสนทนาถูกเพิ่มเติมให้แสดงความรู้สึกมากขึ้นกว่าเดิม มีชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะช่วงต้นเกมส์ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิลีออน,วิคเตอร์และเจอร์ราดได้ดีกว่าเวอร์ชั่นเก่าเยอะเลย แต่ก็ด้วยบทสนทนาที่เยอะขึ้นเพราะงั้นเวลาเลือกตอบคำถามอาจจะไม่เหมือนเดิม ก็ให้เลือกตอบประโยคที่มีบริบทเหมือนเดิมเอา


-เรื่องราวที่ถูกเติมเต็มของ 7 วีรบุรุษ
เมื่อก่อนเราแทบไม่รู้เรื่องอดีตของพวกเขาเลย ช่วงที่พวกเขาเป็นมุนษย์พวกเขาทำอะไร สู้กับอะไร แล้วทำไมถึงถูกหักหลัง บลาๆๆๆ มาภาครีเมคนี้เนื้อเรื่องส่วนนี้ถูกเติมเต็มทำให้เรารู้ภูมิหลังของพวกเขาและเหตุผลที่ต้องกลับมาแก้แค้นมนุษย์
ทั้งหมดก็คงประมาณนี้ครับ ใครที่ไม่เคยเล่นแนะนำ Normal ก็พออย่าไป Hard เลยไม่งั้นคุณจะเสียเวลาสู้มากเพราะเกมส์นี้ศัตรูเก่งตามเรา แต่ถึงจะบอกแบบนั้นก็ไม่แนะนำให้วิ่งหลบเยอะๆนะ สู้ๆไปเถอะถึงศัตรูมันจะเก่งตามเราแต่เราก็เก่งกว่าอยู่ดี การที่มีท่าไม้ตายเยอะ HP เยอะ พลังโจมตีสูงย่อมทำให้เล่นได้สบายกว่า สุดท้ายนี้จะบอกว่าเกมส์นี้คือ JRPG แบบ Turn Base ที่สนุกที่สุดในรอบหลายปีของผมเลยนะ คือนึกไม่ออกเหมือนกันว่าเกมส์สุดท้ายที่เป็น JRPG Turn Base ที่ผมเล่นแล้วสนุกคือเกมส์อะไร ??
อ้อ ลืมไป จะว่าดีหมดทุกอย่างก็ไม่ใช่ ข้อเสียก็มีและเป็นจุดเด่นด้วยคือ...ไม่มีท่าเตรียมตัวแบบเตะขาชี้ฟ้าแล้ว oh my godddd ยกเลิกทำไมมมมมม ไอ้ท่าเตรียมเตะขาชี้ฟ้านี่คือเอกลักษ์ของตระกูลนี้เลยนะ....เสียจุย - -a

วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Tactic Ogre Reborn ข้อมูลเผื่อคนที่สนใจอยากจะเล่น

 อยากให้คนที่ไม่เคยเล่นหรือเล็งมานานแล้วได้ลองเล่นเกมส์สุดยอด Tactic Turn Base ที่ดีที่สุดตลอดกาลอันดับ 1 ของโลก (ความคิดส่วนตัว) ผมเขียนข้อมูลเบื้องลึกให้อ่านกัน 7 ข้อเลยนะ และข้อมูลนี้จะเขียนลงบล็อคด้วยเพราะข้อมูลภาษาไทย tactic ogre reborn แทบไม่มีเลย

1. เนื้อเรื่องที่โคตรจะดราม่าการเมืองจัด 

- ทรยศ หักหลัง หลอกใช้ มีมาหมด คุณจะได้ลิ้มรสดราม่าแรกในตัวเลือกสั่งให้ฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ ! แน่นอนว่าผู้เล่นส่วนใหญ่จะเลือกปฏิเสธเพราะมันขัดกับหลักคนดีภายในจิตใจของผู้เล่นถึงแม้เกมส์จะอธิบายเหตุผลว่าทำไมต้องฆ่าประชาชนก็ตามแต่ก็นะ...มันผิดหลักคนดี  ซึ่งหลังจากนี้มีผลกับเส้นทางและไวส์จะยังเป็นคนดีหรือกลายเป็นคนเลวก็ขึ้นอยู่กับการตอบคำถามของเรา ใครที่ชื่นชอบเกมส์ Final Fantasy Tactic แล้วติดใจเกมส์ที่มีเนื้อเรื่องการเมืองแบบนั้น ขอบอกว่านี่แหละคือต้นตำรับ

2. ไม่แนะนำให้เล่นแบบ Blind play

-หรือก็คือเล่นแบบไม่รู้อะไรเลยแล้วไปเรื่อยๆตามเกมส์ ถ้าเล่นแบบนี้คุณจะไม่ได้เพื่อนหลายคนเลยล่ะโดยเฉพาะตัวเก่งๆและมีโอกาสสูงที่คุณจะไปจบ Bad Ending เพราะงั้นจงเปิด Guide ในเน็ตแล้วเลือกสายว่าจะไปสายไหนและเพื่อนมีใครบ้าง เงื่อนไขการได้เพื่อนไม่ได้มีแค่ให้พวกเขารอดตายเท่านั้น บางคนรอบทสนทนา บางคนต้องเอาคนอื่นเข้ากลุ่ม บางคนต้องมี Event พิเศษ ซึ่งพวกนี้พลาดแน่นอนถ้าไม่มี Guide 

3. ความยากอยู่ในขั้นสูง

- ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบคิดวางแผน มันยากเพราะแทคติกล้วนๆสเตตัสฝ่ายเรากับศัตรูพอๆกันเพราะงั้นจึงสูสี มีแค่บอสเท่านั้นที่มันจะมีบัฟการ์ดติดตัวมาเลย 4 ใบ เวลาเล่นต้องวางแผนดีๆแรกๆอาจจะไม่เท่าไร แต่หลังๆนี่ คุณพระ...ต้องรอบคอบให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ต่อให้เดินพลาดตัวละครตายก็ยังมีเวลา 3 เทิร์นให้ชุปกลับมาอีกครั้ง (ถ้าหมด 3 คือตายเลย) เวทย์ทุกเวทย์หรือสกิลทุกสกิลสำคัญตามสถานการณ์ต่างๆเพราะศัตรูมีแพ้ทางธาตุและอาวุธบางชนิดก็จะตีศัตรูที่สวมเกราะบางอย่างไม่เข้า เช่น ธนูจะยิงพวกใส่เกราะเหล็กลดน้อยมาก และผมจะบอกให้ว่าปกติผมเล่นเกมส์ RPG อื่นๆแทบไม่ใช้เวทย์หลับ เป็นหิน โปรยเสน่ห์อะไรพวกนี้ใส่ศัตรูเลย แต่เกมส์นี้ต้องทำ ! เพราะบางครั้งก็รับมือไม่ไหวต้องมีหยุดการเคลื่อนไหวบางตัวบ้าง อีกอย่างคือถ้ามีโอกาสฆ่าบอสได้ให้พุ่งไปฆ่ามันเลยจะได้ผ่านด่าน ถุงดรอปไอเท็มช่างมันเพราะมีแต่ของที่ซื้อได้ ถ้ามัวแต่ลีลาเก็บทุกตัวทุกคนเผลอๆจะได้โหลดใหม่หลายรอบ 

4. หลังจบเกมส์คือจุดเริ่มต้น

- คำพูดนี้ไม่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะหลังจบเกมส์คุณจะปลดล็อคระบบสุดท้ายของเกมส์คือย้อนเวลา คุณสามารถย้อนไปเก็บเพื่อนที่พลาด ย้อนไปทำ flowchart เนื้อเรื่องให้ครบ ซึ่งเกมส์นี้มี 3 เส้นเรื่องเพราะงั้นการที่คุณเล่นจบไป 1 ก็ยังเหลืออีก 2 ทางแต่นี่ก็ยังไม่รวมทางแยก flowchart ย่อยๆในเส้นเรื่องเดิมนะ แต่ถีงจะย้อนได้มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะย้อนไปด่านไหนก็ได้ เกมส์จะกำหนดมาแล้วว่าคุณจะย้อนไปได้ช่วงนี้หรือช่วงนี้ ถ้าด่านไม่ตรงกับที่ต้องการก็ต้องย้อนมาแล้วเล่นให้มันเดินหน้าไปเรื่อยๆจนถึงด่านที่กำหนด

5. Level Sync

- จากข้อ 4 ที่สามารถย้อนเวลาได้แต่เนื่องจากเกมส์ค่อนข้างยากใช้สมาธิสูงผู้สร้างเลยเพิ่มตัวเลือก Level Sync ให้ ถ้าเปิด ON เท่ากับว่า LV ของเรา (รวมทั้งพลังโจมตีของอาวุธและพลังป้องกันของอุปกรณ์สวมใส่) จะลดลงเท่ากับเนื้อเรื่อง ณ จุดจุดนั้น แต่ถ้าไม่ไหวแล้วอยากเล่นแบบสบายๆบ้างก็ปิด  Level Sync OFF ไปเลย ถ้าปิด LV ของเรารวมทั้งอุปกรณ์ทุกอย่างจะเท่าเดิมหลังจบเกมส์ช่วยให้ผ่านง่ายขึ้นไม่เสียเวลาเหมาะกับการรีบๆทำ flowchart ให้ครบ 

6. เดเน็บคลาส"แม่โม้ดดดดด" ตัวอวยพิเศษ

- เอาจริงๆก็คือคลาส Witch ธรรมดานี่แหละแต่เป็นการเล่มคำเพราะงั้นคลาสเธอจะเป็น Wicce ที่มีพลังเวทย์ระดับสูง แนะนำให้ชวนเธอเป็นคลาสนี้ให้ได้ถ้าไม่ได้เธอจะเป็นคลาส Witch ธรรมดา ซึ่งคลาส Wicce ต้องทำเงื่อนไขพิเศษเพิ่มคือต้องไปหา Relics มาอับเกรดให้ได้ 3 ครั้ง (ต้องมี Relics 4 อันที่เหมือนกัน) ซึ่งหาได้จากพระราชวังแห่งความตายชั้นที่ใกล้ที่สุดคือชั้น 8 หลังจากเก็บได้จากการกำจัดศัตรูแล้วก็ถอยทัพแล้วเข้าไปชั้น 8 ใหม่เก็บจนได้อันเดิม 4 ชิ้น (ห้ามเล่นจนเคลียร์ชั้น ให้ถอยทัพ)


7. พระราชวังแห่งความตาย

- จะปรากฏขึ้นมาใน Chapter 4 มีทั้งหมด 115 ชั้นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเล่นหมดทั้ง 115 ชั้นเพื่อไปถึงชั้นที่ลึกที่สุด มันจะมีทางแยกเพื่อย่นระยะทางได้ เช่น ทางแยก 22 23 25 กับ 26 27 28 ซึ่งทั้งสองทางจะไปบรรจบกันที่ชั้น 29 ปลายทาง (สมมุติ) เพราะงั้นจำนวนชั้นที่เล่นจริงๆจะประมาณ 70 กว่าๆชั้น แต่ๆๆๆๆๆ ถ้าจะเก็บ flowchart จำนวนด่านให้ครบต้องเล่นทุกชั้นต่อให้เจอทางแยกก็ต้องวิ่งวนไปเล่นอีกทางจนครบ 115 ชั้น.....และถ้าคุณเข้ามาในพระราชวังแห่งความตายหลังจบเกมส์แล้วคุณจะไม่สามารถใช้  Level Sync OFF ได้ เกมส์จะกำหนดเป็น Level Sync ON เท่านั้น ! นั่นก็หมายความว่าเราต้องสู้กับศัตรูแบบสูสีในนี้ตลอดเส้นทางไปจนจบ.....ปลายสุดเราจะได้ลุงวาร์เร้นเป็นเพื่อน (ต้องเข้ามาหลังจบเกมส์ใน CODA2) ยังไม่พอยังมีดันเจี้ยนอื่นๆให้เข้าไปลุยอีกมากมายเพื่อเก็บคัมภีร์พัฒนาอาวุธ,มหาเวทย์สุดแรง,อาวุธและอุปกรณ์สวมใส่ระดับสูง ซึ่งพวกนี้ไม่มีขายในร้าน และของดีสุดอยู่ใน CODA4 หลังจบเกมส์


ทั้งหมดทั้งปวงก็ 7 ข้อนี่แหละ อย่างที่ผมบอกครับ เก็บครบทุกอย่างยังไงก็ 100+ ชั่วโมง เผลอๆจะ 200+ ด้วยเพราะผ่าน CODA4 ไม่ได้ 5555555 สุดท้าย เล่นเถอะครับ ไม่อยากให้พลาดจริงๆ 


วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2566

มหากาพย์ Final Fantasy ตอนที่ 3+4 XV Royal Edition vs 7 Remake vs XVI

 มหากาพย์ Final Fantasy ตอนที่ 3



XV Royal Edition vs 7 Remake vs XVI
ยกที่ 5 เพื่อนร่วมทาง
ถ้าเอาความหลากหลายของเพื่อนร่วมทางและอยู่ยาวจนจบเกมส์ก็คงต้อง 7RE บาเร็ต ทีฟา แอริธ เรด13(NPC) ผสมชายหญิงและการต่อสู้หลายแบบหลายสไตล์แบบลงตัวที่สุด แต่ไม่มีท่าคู่หรือแอคชั่นอะไรที่มันดูช่วยเหลือกัน (แต่ตัวอย่าง 7Rebirth มีท่าคู่แล้ว) อย่างน้อยแหละมีสองสาวสวยร่วมทางไปจนจบยังไงปาตี้ก็ดูมีชีวิตชีวาและได้เปรียบอีก 2 ภาคอย่างเห็นได้ชัด งั้นมาดู 15 บ้าง จะบอกว่าแห้งแล้งที่สุด ชายล้วนตั้งแต่ต้นยันจบ จริงอยู่ว่าอาจจะมีสาว NPC มาแจมอย่างอาราเนียหรืออีรีสแต่มันก็แค่แปปเดียว นอกนั้นทั้งเกมส์คุณต้องอยู่กับชายทั้ง 4 ข้อเสียก็คือมันแห้งแล้งนี่แหละ แต่ข้อดีมันก็มีคือเราจะผูกพักและรู้สึกว่าพวกเขาเป็นครอบครัว คือเดินทางกันมายาวนานตอนสู้ก็มีแอคชั่นช่วยเหลือกันและกันตลอด รู้สึกอบอุ่น แต่ก็นั่นแหละ.....มันชายล้วนนี่....ส่วน 16 อันนี้ก็แทบไม่ต่างกับ 15 ดีหน่อยที่มีน้องจิลร่วมทางไปครึ่งค่อนเกมส์ ถ้าไม่มีจิลนะแห้งแล้งกว่า 15 อีก โลกก็มืดอึมครึมยังจะต้องมาเดินกับชายชาตรีต่ออีก..... เพื่อนร่วมทางของ 16 จะสลับกันเข้าๆออก คนนี้เข้าคนนุ้นออก คนนุ้นเข้าคนนี้ออกทั้งเกมส์มันเลยรู้สึกเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาบ่อยแต่อย่างน้อยๆก็มีน้องหมาที่คอยอยู่กับเราทั้งเกมส์ นี่ถ้าไม่มีน้องหมานะยิ่งแห้งแล้งเข้าไปอีก
สรุป ถ้าถามหาความหลากหลายของปาร์ตี้ยังไงก็ 7RE ส่วน 15 กับ 16 ไม่รู้จะให้อะไรดีกว่ากัน อีกเกมส์ชายล้วน อีกเกมส์ก็เข้าๆออกๆทั้งเกมส์
ยกที่ 6 ท่วงท่าของการต่อสู้
ยังไม่ใช่เรื่อง gameplay นะ แค่เอาท่าการการออกแอคชั่นเฉยๆ 7RE แอคชั่นของคลาวด์โดนจำกัดเนื่องจากมันอยู่แค่ช่วงแรกของเกมส์ limit break ใช้ได้แค่ 2 ท่าเท่านั้น จะว่าไปมันก็ดูไม่หลากหลายแหละ เรื่องนี้คงต้องรู้ดูใน Rebirth ว่าจะมีให้ใช้ถึง omnislash หรือเปล่าแต่คิดว่าคงไม่ถึง....16 มันเป็นท่าของมนต์อสูร จะว่าอลังไหมเหรอ ? คือมันโดนลดสเกลความอลังการลงเพราะคนใช้ไม่ใช่มนต์อสูรใช้ อย่าง megaflare ของบาฮามุท ถ้าอสูรปล่อยเองอ่ะอลังการ แต่พอไครฟ์เป็นคนใช้แล้วสเกลมันลดลงกลายเป็นพลังคลื่นเต่าซะงั้น แต่พอได้ดาบของ odin มาก็ดูดีขึ้นเยอะ ฉุบฉับฉุบฉับรัวๆ ท่า limit break ประจำตัวสวยๆไม่มีเลยน่าเสียดาย เป็นแค่โจมตีแล้วไฟลุกเฉยๆ ส่วน 15 หลังจากน็อคติสได้อาวุธกษัตริย์ครบ ได้แหวน และปลดปล่อยพลังของกษัตริย์ที่แท้จริงหน้ารูปปั้น ถ้าทำ 3 อย่างนี้ครบเมื่อไรนะ บอกเลยว่าเทพสุดและสวยสุด อย่างที่ผมเคยบอกบ่อยๆไอ้พลังที่มีอาวุธหมุนรอบๆตัวมันโคตรเท่ห์เลยให้ตายสิ ยิ่งตอนใช้พลังนะ โหหหห คือตัวอย่างเกมส์ทำได้ยังไงในเกมส์จริงก็ทำได้แบบนั้น ไม่มี Final ภาคไหนที่ limit break จะเท่ห์เท่านี้อีกแล้ว ต่อให้ไม่ได้สู้กับใครแค่เดินแล้วอาวุธหมุนรอบๆตัวก็เท่ห์แล้ว
สรุป 15 เท่ห์สุดด้วยพลังของกษัตริย์ที่แท้จริง 7RE พี่คลาวด์เรายังเก็บเลเวลไม่เต็มท่าทางแอคชั่นเลยได้แค่นี้ ส่วน 16 เหมือนจะจืดสุดนะในความคิดผม
ตอนหน้าเดี๋ยวมาจัดเต็ม gameplay

มหากาพย์ Final Fantasy ตอนที่ 4
XV Royal Edition vs 7 Remake vs XVI
ยกที่ 7 ความลงตัวของ gameplay
15 ผมว่ายังมีความเป็น RPG ปนอยู่กับ Action นะ มันไม่ได้พริ้วไหวดังสายน้ำขนาดจะไม่โดนโจมตีเลย จริงอยู่ว่าการกด O ค้าง (หรือป่าวจำไม่ได้แหละ) น็อคติสมันจะหลบให้อัตโนมัติ แต่เกจ MP ก็จะลดลงเรื่อยๆ แต่บางครั้งมันออก Action อยู๋ไงเลยกด O ไม่ได้ก็โดนหวดไป จริงๆแล้วผมเล่น 15 สนุกนะ คิดว่ากำลังพอดี อาวุธแรงขึ้นตามที่เราอับเกรดแบบจริงๆทำให้เวลาเจอศัตรูธรรรมดาตามทางไม่ต้องใช้ท่าใหญ่ตีธรรมดาไปเดี๋ยวมันก็ตาย บางตัวอาจจะอึดขึ้นมาหน่อยโดยเฉพาะพวกตัวใหญ่ๆแต่มันก็สู้สนุกมากนะ มาดู 7RE บ้าง ผมนึกไม่ออกเลยว่าจะผสม Action และ RPG ยังไงให้ดีกว่านี้แล้ว ทางด้านระบบ gameplay ผมให้ 7RE ดีที่สุด เป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก มีความเป็น Action เยอะและไม่ทิ้งความเป็น RPG คือมาพบกันคนล่ะครึ่งทางระหว่างเขย่าตัวอยู่กับที่แบบเดิมกับแอคชั่นสมัยใหม่ เป็นภาคที่ผมว่าระบบดีที่สุดและสนุกที่สุด ขาดก็แต่ท่าคู่แต่ Rebirth มีแน่จากตัวอย่าง ภาค 15 ยังมีการหน่วงของเวลาอยู๋บ้าง แต่ 7RE แทบไม่รู้สึกเลย มันจะหน่วงแค่ตอนเราเลือกเป้า เลือกเวทย์ ซึ่งตรงนี้จะมีความเป็น turnbase เข้ามา มาถึงภาค 16 ผมเล่นแบบไม่ใส่แหวนอัตโนมัตินะ เพราะงั้นจะบอกว่า Action 100% เลยแหละ แต่มันยังไม่สุด เหมือนเป็นการสู้รอสแปมสกิลเฉยๆ พอสกิลคูลดาวน์เสร็จใช้ไปเลย 12345 เรียงๆกันเพื่อเพิ่มความเสียหายอย่างมหาศาล พอใช้เสร็จก็รอเวลาคูลดาวน์แล้วกลับไปใช้ 12345 ใหม่ วนไปเรื่อยๆ จริงอยู่ว่าสกิลมันเยอะสามารถพลิกแพลงได้หลากหลายเท่าที่ผู้เล่นจะทำ แต่ก็นั่นแหละ ยังไงมันก็เป็นการสู้เพื่อสแปมสกิลอยู่ดี แล้วพวกศัตรูระดับกลางขึ้นไปนี่คุณจะมายืนตีปกติมันตายยากนะ คือไครฟ์ตีปกติเบามากกกกกก และไม่มีท่าทางอะไรเลย ต่อให้ไปท้ายเกมส์ตีปกติก็ยังลด 2-4 ร้อยอยู่ดี เวลาเจอศัตรูระดับกลางๆขึ้นไปยังไงก็ต้องพิ่งสแปมสกิลอยู่ดีไม่งั้นยืนตีไปเถอะกว่ามันจะตายถ้าไม่ใช้สกิลซึ่งภาค 15 กับ 7RE ต่อให้เจอศัตรูระดับกลางก็ยังตีปกติได้เดี๋ยวมันก็ตายเพราะพลังโจมตีปกติขึ้นหลักพัน แต่ 16 ยังอยู่แค่หลักร้อยเลยต้องพึ่งแต่สกิลตลอดทั้งเกมส์
สรุป 7RE ชนะเลิศด้วยระบบ gameplay ที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวที่สุด รองมาผมให้ 15 นะเพราะเล่นสนุกกว่า ส่วน 16 สแปมสกิลมากไปหน่อย
ยกที่ 8 BOSS FIght !!
เอาจริงๆ 15 ที่เป็น Boss fight ถือว่าน้อยนะ ส่วนใหญ่จะไปเน้นพวกล่ามอนสเตอร์ระดับสูงแทน แต่เจอทีสนุกมากอย่างที่ผมเคยบอกในตอนก่อนๆว่าเวลาเจอศัตรูตัวเป้งๆเกมส์จะบรรเลงเพลง OMNIS LACRIMA ถึงพวกนี้จะไม่ใช่บอสแต่จากความตึงมือและเพลง OMNIS LACRIMA ก็ทำให้เพิ่มอรรถรสในการสู้ได้อย่างมากมาย ตัวเป้งจริงๆคือ Omega ใน 15Royal Edition ตัวนี้ผมสู้อยู่เป็นชั่วโมงกว่ามันจะตาย เป็น Boss Fight ที่สนุกที่สุดเลยแหละเท่าที่เคยสู้ ส่วนเต่ามันแค่พลังเยอะเฉยๆนอกนั้นไม่มีอะไร สู้ไปหาวไป ส่วน 7RE ภาคนี้บอสเยอะ ศัตรูธรรมดาที่เคยเจอในเวอร์ชั่น Original มาภาค RE ดันกลายเป็นบอสเฉย แล้วก็ไม่ใช่บอสง่อยๆด้วยนะสู้สนุกมาก เช่น ไอ้หุ่นยนต์ปลาในตึกชินระ ภาคปกติเป็นแค่กี้ๆแต่ภาค RE เป็นบอสให้ทีฟากับแอริธสู้แถมตึงมืออีกต่างหาก แต่ก็อย่างที่บอกมันแค่ต้นเรื่องเท่านั้น ลูกเล่นและบอสที่เจอมันก็มาแค่นี้ ไว้รอเจอของจริงตัวเป้งๆภาคหลังๆ ไม่รู้ว่า Rebirth จะดำเนินเนื้อเรื่องไปถึงสู้กับพวก Weapon หรือเปล่านะ รอลุ้น....ส่วน 16 Boss Fight การตบกันระหว่างมนต์อสูรผมว่าไม่น่าจะมีเกมส์ไหนบนโลกนี้ทำได้อลังการและขนลุกเท่ากับ FF16 อีกแล้ว (ถึงตอนนี้นะ) คู่แรกว่า hie แล้ว คู่สองมา โอ้วววว ชิทททท เวอร์ไปแล้วลูกพี่ คู่สามมายังพีคได้อีกเหรอว่ะ บ้าไปแล้วววววว อารมณ์แบบนี้เลย แต่เนื่องจากเนื้อเรื่องมันดัน set มาถึงความยิ่งใหญ่และทรงพลังของบรรดาร่างสถิตของมนต์อสูรเพราะงั้นเลยทำให้บอสธรรมดาเดินดินทั่วๆไปดูอ่อนด้อยลงมาพอสมควร ซึ่งก็ตามนั้นบอสปกติเดินดินง่อยมากไม่มีอะไรให้น่าจดจำ มีแต่เบฮีมอสนี่แหละที่พอสู้สนุกแต่จะว่าไปเบฮีมอสมันสู้สนุกทุกภาคอยู่แล้วนะ
สรุป เลือกยากดีคนล่ะแบบ 16 ไคจูตบกันที่อลังการที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเกมส์ 15 บอสที่อยู่ในหมวดล่ามอนสเตอร์ดันสู้สนุกกว่าบอสจริง 7RE บอสเยอะสู้สนุกทุกตัว เอาเป็นว่าดีคนละอย่าง